ระดับมัธยมศึกษา

สมบัติแฟกทอเรียล

แฟกทอเรียลเป็นหนึ่งในตัวดำเนินการทางคณิตศาสตร์ที่เพิ่มเข้ามาในระดับชั้นมัธยมศึกษาที่สำคัญมากๆ
นิยามของแฟกทอเรียล
ผลคูณของจำนวนเต็มบวกทั้งหมดที่น้อยกว่าหรือเท่ากับ n" สมบัติแฟกทอเรียล

$$\clubsuit\;สมบัติ$$

$$1.\;n!=n(n-1)(n-2)...\times 1$$

$$2.\;0!=1$$

สมบัติของซิกม่า

ซิกม่าถือว่าเป็นตัวชูโรงสำหรับวงการคิดเลขเร็วเลยก็ว่าได้เพราะสามารถทำให้เลขน้อยๆกลายเป็นเลขสูงๆได้

$$\clubsuit\;สมบัติ$$

$$1.\;\sum_{i=1}^{n}(i)=\frac{n(n+1)}{2}$$

$$2.\;\sum_{i=1}^{n}(i\times i)=\frac{n(n+1)(2n+1)}{6}$$

$$3.\;\sum_{i=1}^{n}(i^3)=\left(\sum_{i=1}^{n}(i)\right)^2$$

$$4.\;\sum_{i=n}^{m}(\frac{i}{i})=m-n+1$$

5.จากข้อที่ 1. สูตรจะใช้ไม่ได้หาก i ไม่เท่ากับ 1

6. จากข้อ 1 ซิกม่าจะแบ่งเป็น 3 ส่วน

1).จุดเริ่มต้น(i=1 ด้านล่าง) เป็นจุดที่บอกว่าเราต้องเริ่มบวกจากตัวไหน
2).จุดสิ้นสุด(n ด้านบน) เป็นจุดที่บอกว่าเราต้องบวกจนถึงตัวไหน
3).เงื่อนไข(i ตรงกลาง) เป็นตัวกำหนดว่าซิกม่าตัวนั้นต้องใช้กระบวนการบวกกันแบบใด เช่นตัวอย่างข้อที่ 2 จะเห็นว่าเงื่อนไขคือ i คูณ i หมายความว่าถ้าเราจะเริ่มบวกก็ต้องบวกตั้งแต่ (1*1)+(2*2)+(3*3) ไปเรื่อยๆจนถึง (6*6) เป็นต้น

7. การประยุกต์ซิกม่า ให้มองเงื่อนไขทุกอย่างให้อยู่ในรูป ระบบสมการ$$\sum_{i=1}^{2}(7(i+3))=\sum_{i=1}^{2}(7i+21)=63$$

แฟกทอเรียลและซิกม่าพื้นฐานทั้งหมดที่ควรรู้

แฟกทอเรียล

$$n$$

$$n!$$

0

1

1

1

2

2

3

6

4

24

5

120

6

720

7

5040

ซิกม่า(i)พื้นฐาน

$$n$$

$$\sum_{i=1}^{n}(i)$$

$$2$$

$$3$$

$$3$$

$$6$$

$$4$$

$$10$$

$$5$$

$$15$$

$$6$$

$$21$$

$$7$$

$$28$$

$$8$$

$$36$$

$$9$$

$$45$$

$$10$$

$$55$$

$$11$$

$$66$$

$$12$$

$$78$$

$$13$$

$$91$$

$$14$$

$$105$$

$$15$$

$$120$$

$$16$$

$$136$$

$$17$$

$$153$$

$$18$$

$$171$$

$$19$$

$$190$$

$$20$$

$$210$$

$$21$$

$$231$$

$$22$$

$$253$$

$$23$$

$$276$$

$$24$$

$$300$$

$$25$$

$$325$$

$$26$$

$$351$$

$$27$$

$$378$$

$$28$$

$$406$$

$$29$$

$$435$$

$$30$$

$$465$$

$$31$$

$$496$$

$$32$$

$$528$$

$$33$$

$$561$$

$$34$$

$$595$$

$$35$$

$$630$$

$$36$$

$$666$$

$$37$$

$$703$$

$$38$$

$$741$$

$$39$$

$$780$$

$$40$$

$$820$$

$$41$$

$$861$$

$$42$$

$$903$$

$$43$$

$$946$$

$$44$$

$$990$$

$$45$$

$$1035$$


ซิกม่า(i+i)พื้นฐาน

$$n$$

$$\sum_{i=1}^{n}(i+i)$$

$$2$$

$$6$$

$$3$$

$$12$$

$$4$$

$$20$$

$$5$$

$$30$$

$$6$$

$$42$$

$$7$$

$$56$$

$$8$$

$$72$$

$$9$$

$$90$$

$$10$$

$$110$$

$$11$$

$$132$$

$$12$$

$$156$$

$$13$$

$$182$$

$$14$$

$$210$$

$$15$$

$$240$$

$$16$$

$$272$$

$$17$$

$$306$$

$$18$$

$$342$$

$$19$$

$$380$$

$$20$$

$$420$$

$$21$$

$$462$$

$$22$$

$$506$$

$$23$$

$$552$$

$$24$$

$$600$$

$$25$$

$$650$$

$$26$$

$$702$$

$$27$$

$$756$$

$$28$$

$$812$$

$$29$$

$$870$$

$$30$$

$$930$$

$$31$$

$$992$$


ซิกม่า(i*i)พื้นฐาน

$$n$$

$$\sum_{i=1}^{n}(i \times i)$$

$$2$$

$$5$$

$$3$$

$$14$$

$$4$$

$$30$$

$$5$$

$$55$$

$$6$$

$$91$$

$$7$$

$$140$$

$$8$$

$$204$$

$$9$$

$$285$$

$$10$$

$$385$$

$$11$$

$$506$$

$$12$$

$$650$$

$$13$$

$$819$$

$$14$$

$$1015$$


ซิกม่า(i!)พื้นฐาน

$$n$$

$$\sum_{i=1}^{n}(i!)$$

$$2$$

$$3$$

$$3$$

$$9$$

$$4$$

$$33$$

$$5$$

$$153$$

$$6$$

$$873$$

$$7$$

$$5913$$

ควรฝึกอย่างไร

1. สอนสมบัติทุกอย่างตามที่แนะนำข้างต้น

      จากสามหัวข้อที่ผ่านมา เป็นสมบัติหรือสิ่งพื้นฐานที่น้องๆควรจะรู้ติดตัวเอาไว้ หากไม่รู้หรือไม่แม่นสามหัวข้อที่กล่าวมา จะทำให้ทุกอย่างไปได้ช้า


2.ต้องจำสูตรยังไง มากน้อยแค่ไหน

      อีก 1 คำถามยอดฮิตสำหรับน้องๆและคุณครูหลายๆท่าน ในระดับประถมศึกษาตอนต้นนั้นสูตรที่เข้าถึงตัวน้องๆได้จะเป็นแค่สูตรเฉพาะเท่านั้น ถ้าถามผมว่ามันจำเป็นไหม ส่วนตัวผมให้ 50 50 แล้วกันครับ แบบรู้ก็ดี ถึงไม่รู้เราก็สามารถใช้พื้นฐานที่น้องขัดเกลามา สามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้อีกครับ

3.การฝึกคิดเลขเร็วไม่ได้เก่งตามจำนวนข้อที่ฝึกไป

      คุณครูหรือน้องๆ หลายๆท่าน มักจะยึดติดกับการซ้อมตามจำนวนข้อ "ยิ่งฝึกเยอะ เดี๋ยวก็เก่งขึ้นเรื่อยๆ" ผมจะบอกว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ถูกแต่ก็ไม่ได้ผิดซะทีเดียว การฝึกเยอะๆสำหรับผมมันเหมือนกับการนั่งทำอะไรซ้ำๆวนไปวนมาแบบไร้จุดหมาย เพราะเราไม่รู้ว่า "ต้องซ้อมเยอะแค่ไหนถึงจะเรียกได้เต็มปากว่า เก่ง" ซึ่งทางแก้ไขที่ผมจะแนะนำคือ "หาข้อง่ายๆครับ" ถ้าถามผมว่าทำไม ผมมองว่าถึงซ้อมข้อยากๆมันก็ได้แค่วิธีๆเดียว ไม่ได้ครอบคลุมทุกๆอย่าง กลับกันหากหาข้อที่ง่ายๆที่สามารถทำได้หลากหลายรูปแบบ หลากหลายคำตอบ และ หลากหลายวิธีทาง เราจะได้วิธีคิดที่หลากหลายรูปแบบและสามารถประยุกต์ต่อไปในวิธีเฉพาะทางต่อไปได้ครับ


4.คิดเลขเร็วเกณฑ์ราชภัฎนครสวรรค์

      เป็นอีก 1 สนามที่ดีมากๆในความคิดของผมเนื่องจากสนามนี้ถึงจะจำสูตรมากแค่ไหน สุดท้ายก็ต้องประยุกต์ในงานอยู่ดี ดังนั้นการจำสูตรจึงไม่ค่อยมีผลมากกับสนามนี้ อย่างที่เราทราบกัน สนามนี้จะมีความแปลกใหม่คือโจทย์ 2 ตัวหน้าบังคับคูณกัน และซิกม่าใช้ i ทั้งสมการได้ไม่เกิน 3 ตัว ซึ่งในปีพ.ศ.2567 โจทย์เปลี่ยนจากการบังคับคูณเป็นบังคับติดกัน ดังนั้นหมายความว่าเลขตัวแรกอาจจะเป็นได้ตั้งแต่ 1 จนถึง 99 เลย
      ซึ่งแนวทางการซ้อมในสนามนี้คือ สูตรคูณ จะเห็นผลมากๆในการแข่งขันสนามนี้เพราะในเมื่อเลขมันติดกันแล้ว การคิดแบบใช้ซิกม่าเป็นหลักมันจะยากขึ้น